Sunday, March 11, 2007

เพลงแสงเทียน


เนื้อเพลง
จุดเทียนบวงสรวงปวงเทพเจ้า
สวดมนต์ค่ำเช้าถึงคราวระทมทน
โอ้ชีวิตหนอล้วนรอความตายทุกคน
หลีกไปไม่พ้นทุกข์ทนอาทรร้อนใจ
ต่างคนเกิดแล้วตายไป
ชดใช้เวรกรรมจากจร
นิจจังสังขารนั้นไม่เที่ยงเสี่ยงบุญกรรม
ทุกคนเคยทำกรรมไว้ก่อน
เชิญปวงเทวดาข้าไหว้วอน
ขอพรคุ้มไปชีวิตหน้า
ทนทรมานมามากแล้วจะกราบลา
หนีปวงโรคาที่เบียดเบียน
แสงแววชีวาเปรียบแสงเทียน

เปรียบเทียนสิ้นแสงยามแรงลมเป่า
ชีพดับอับเฉาเหมือนเงาไร้ดวงเทียน
จุดเทียนถวายหมายบนบูชาร้องเรียน
โรคภัยเบียดเบียนแสงเทียนทานลมพัดโบย
โรครุมเร่าร้อนแรงโรย
หวนโหยอาวรณ์อ่อนใจ
ทำบุญทำทานกันไว้เถิดเกิดเป็นคน
ไว้เตรียมผจญชีวิตใหม่
เคยทำบุญทำคุณปางก่อนใด
ขอบุญคุ้มไปชีวิตหน้า
ทนทรมานมามากแล้วจะกราบลา
แสงเทียนบูชาจะดับพลัน
แสงเทียนบูชาดับลับไป
ประวัติความเป็นมา
เพลงพระราชนิพนธ์ “แสงเทียน” “CANDLELIGHT BLUES”
เป็นเพลงแรกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ เมื่อเดือนเมษายน 2489 ขณะที่ทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระอนุชิราช เป็นเพลงในจังหวะบลูส์ และได้โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริทรงประพันธ์คำร้องภาษาไทย แต่เนื่องจากมีพระราชประสงค์ที่จะทรงแก้ไขให้ดีขึ้นกว่าเดิม จึงยังไม่โปรดเกล้าฯ ให้นำออกบรรเลง ซึ่งศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ประเสริฐ ณ นคร เล่าว่า
“สมเด็จพระอนุชาฯ (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ) ตรัสว่า เพลง “แสงเทียน” นี่เศร้าเกินไปในตอนท้ายๆ คล้ายๆ ว่า ‘ทนทรมานมามากแล้วจะกราบลา’ ท่านจักรพันธ์ฯ ก็กราบบังคมทูลว่าเนื่องจากเป็นเพลงบลูส์ เพลงบลูส์ของอเมริกันนิโกรก็เศร้าๆ อย่างนี้ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า ถึงแม้จะเศร้าก็จริง แต่ตอนท้ายของเพลงนั้นเขาต้องมีปรัชญาชีวิต ว่าจะต่อสู้ต่อไป ยังมีความหวังอยู่”
เพลงพระราชนิพนธ์ “แสงเทียน” ออกบรรเลงช้ากว่าเพลงที่สองและสาม คือ เพลงพระราชนิพนธ์ “ยามเย็น” และ “สายฝน” ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้วงสุนทราภรณ์นำเพลงพระราชนิพนธ์ “แสงเทียน” ออกบรรเลง มีนายเอื้อ สุนทรสนาน เป็นผู้ขับร้อง และในพ.ศ. 2496 ได้โปรดเกล้าฯ ให้ รองศาสตราจารย์สดใส พันธุมโกมล ประพันธ์คำร้องเป็นภาษาอังกฤษ

No comments: